
การโกหกที่หมดเปลือกของ วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร
ทุกวันนี้เรามองไปรอบๆเราผ่านตัวตนของเราผ่านสังคมตามที่ตาเห็นทุกสิ่ง
ล้วนถูกสร้างถูกพยายามทำให้มีภาพลักษณ์ที่สมบรูณ์สวยงามซึ่งเราเองก็พร้อมที่จะสามารถรับรู้ได้ว่ามัน “จริง”และ “ดี” แต่ว่าการรับสารต่างๆที่ปรากฏนั้นเป็นการรับสารที่เปราะบางและฉาบฉวย การรับสิ่งต่างๆโดยที่เรามิได้เข้าไปสัมผัสถึงแก่นแกนของความคิดหรือหยุดอยู่เพียงภาพลักษณ์ที่สวยงามที่ปรากฏตรงหน้านั้นเราก็จะพบแต่เพียงความ “จริง” และ “ดี” ที่แผ่วเบา
ในทางศิลปะก็เช่นกันการสร้างภาพลักษณ์ที่สวยและงดงามมักจะพบเห็นได้ทั่วๆไปในวงการศิลปะ แต่ปัจจุบันวงการศิลปะนั้นก็ได้แตกแขนงออกมาเป็นศิลปะที่เป็นร่วมสมัย มีความสลับซับซ่อนทางความคิดและการแสดงออก จึงอาจจะอยากต่อการเข้าถึงและเข้าใจจนอาจมีคำพูดที่ว่า “ดูอยาก” ถึงแต่อย่างปัญหาที่เป็นอุปศักย์ของผู้รับรู้หรือผู้ชมผลงานก็มิได้ทำให้ศิลปินลดละความพยายามที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยต่อไป อย่างไรก็ดีผลงานศิลปะในสายตาของผู้ชมทั่วไปแล้วการรับรู้แรกนั้นคือ “ความงาม”
ความงามนั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบ ทั้งความงามของการแสดงออกที่เป็นรูปธรรม หรือความงามที่เป็นนามธรรมคือทางด้านความคิด ความงามนั้นสามารถดึงดูดผู้ชมให้หยุดหรือจดจ่อกับผลงานศิลปะ ซึ่งส่งผลดีกับตัวผลงานศิลปะและศิลปิน แต่ถึงอย่างไรก็ดีความงามต่างๆเหล่านั้นอาจฆ่าผลงานศิลปะบางชึ้นได้คือ การรับรู้ของผู้ชมผลงานหยุดอยู่แค่ภาพลักษณ์ที่ฉาบหน้าผลงานมิอาจเข้าไปถึงเจตนาหรือความคิดหลักของศิลปินที่ได้คิดที่ได้พยายามถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรม ความงามตามที่ได้กล่าวมานั้นอาจเป็นได้ทั้งตัวผลงานหรือตัวพื้นที่ทางศิลปะ
ความงามที่ผิดที่ผิดทางดังกล่าวปรากฏให้เห็นใน นิทรรศการ Wantanocchiodot ‘ 09 โดย วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร ซึ่งมีพื้นที่จัดแสดงคือ ardel gallery of modern art โดยในที่นี้ผลงานได้จัดแสดงในพื้นที่ใหม่ข้างๆพื้นที่เดิมซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่สวยงามด้วยการออกแบบโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่งดงามทันสมัยราวกับมิใช้สถานที่แสดงงานศิลปะ ความงามที่ผิดที่ผิดทางดังกล่าวเริ่มปรากฏตั้งแต่เดินเข้ามาในพื้นที่ของ gallery ซึ่งเป็นอาคารรูปทรงเหลี่ยมที่ดู modern สีเทาด้านหน้าปูหญ้าเทียมสีเขียวสด โดยรอบพื้นที่ประดับประดาไปด้วยต้นไม้ น้อยใหญ่มากมาย ส่วนฝังพื้นที่ใหม่มีสระน้ำขนาดกลางสีฟ้าสดใสอยู่หน้าพื้นที่ห้องแสดงผลงาน “สวยจริงๆ” ความสวยที่ได้พรรณนามาเหล่านี้ได้ถูกกลืนทับเจตจำนงของพื้นที่แสดงผลงานศิลปะ ความเป็นกลางของพื้นที่ที่แท้จริงได้ขาดหายไป
เมื่อเราเข้าไปในห้องแสดงผลงานโดยผ่านสิ่งที่สวยงามต่างภายนอกมาแล้ว ความรู้สึกแรกเมื่อได้ชมผลงาน Wantanocchiodot ‘ 09 คือ “สวย” และสมบรูณ์แบบทั้งการติดตั้งและตัวผลงาน ทุกอย่างเนียบเป็นระเบียบ ดังเส้นตั้งและเส้นนอน เหมื่อนทุกอย่างได้จบและปิดฉากการสนทนากับผู้ชมไปเรียบร้อยแล้ว แต่ในกายภาพของผลงานรายละเอียดในส่วนประกอบต่างๆได้มีการเปิดรอรับการสนทนาจากผู้ที่เข้ามาชม ไม่ว่าจะเป็น กลไกลของหุ่นจำลองศิลปิน กล้องวงจรปิดที่มีการถ่ายถอดสดในห้องแสดงผลงาน และกรอบรูปที่แขวนอยู่ตามผนังห้อง ทุกอย่างล้วนรอการโต้ตอบจากผู้ที่เข้ามาชมผลงาน แต่ความสวยและความเนียบต่างๆที่ปรากฏได้ทำให้ลดทอนการโต้ตอบต่างๆลงและยังไม่สามารถเข้าถึงแก่นความคิดของผลงานศิลปะชิ้นนี้ได้
ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากตัวพื้นที่และมโนทัศน์ของพื้นที่ที่ยังข่มตัวผลงานศิลปะ มโนทัศน์ของพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นพื้นที่ที่สมบรูณ์และสวยงามผลงานที่เคยผ่านการจัดแสดงส่วนใหญ่เป็นผลงานที่สวยและจบสมบรูณ์ในตัวผลงาน จนอาจกลายมาเป็นภาพจำของตัวพื้นที่ ดังนั้นอาจส่งผลต่อผลงานศิลปะของวันทนีย์ ที่อาจยังไม่ต้องการที่จะจบและสมบรูณ์ในตัวผลงาน
ความสวยและสมบรูณ์ดังกล่าวได้สร้างปัญหาต่อการรับรู้ที่แท้จริงของผลงาน ความคิดต่างๆที่วันทนีย์ ต้องการนำเสนอผ่านการสร้างเรื่องราวที่เป็นจริง ไม่จริง หรือกึ่งจริงกึ่งไม่จริงต่างๆนั้นได้หยุดนิ่งและแสดงออกมาเพียงแค่สิ่งเดียวคือ “จริง” ความจริงในสิ่งที่เห็นหยุดนิ่ง แข้งกระด้าง เป็นรูปธรรม ลูกล้อลูกชนของกระบวนการคิดได้ขาดหายไปแต่การขาดหายไปนี้มิใช่ไม่มีอยู่ในผลงานแต่ได้ถูกส่วนอื่นบดบัง ถ้าได้ติดตามผลงานของวันทนีย์ ที่ผ่านมาแล้วจะสังเกตได้ว่าวันทนีย์นั้นมีความสดและความมันส์ในตัวผลงานไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับร่างกายและพื้นที่สาธารณะ หรือการโกหกหรือหลอกลวงของวงการศิลปะร่วมสมัย ซึ่งในครั้งนั้นได้สร้างการโต้ตอบหรือบทสนทนามากมายของผู้ที่เข้ามาชมผลงาน ผลงานต่างๆที่ได้กล่าวมานี้ล้วนมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและพื้นที่ทั้งสิ้น แต่ในครั้งนี้ กลับกลายเป็นการตัดขาดจากสิ่งรอบตัวและยังปล่อยให้พื้นที่แสดงออกหรือทำงานมากกว่าตัวผลงานศิลปะ การตัดขาดดังกล่าวส่งผลถึงรายละเอียดส่วนประกอบในงานศิลปะของวันทนีย์ ส่วนประกอบที่ต้องการที่จะสื่อถึงการนำวัฒนธรรมไทยมาเร่ขายในงานศิลปะร่วมสมัย ความไม่ชัดเจนของการแสดงออกนี้ทำให้การวิพากย์ไม่สามารถเข้าไปถึงจุดของผลงานได้เช่นกัน การวิพากษ์นี้จึงเป็นเพียงแค่การกล่าวถึงภาพร่วมของนิทรรศการ บทสนทนาจึงถูกจำกัดและไปไม่ถึงตัวความคิด เพราะผลงานถูกฉาบไปด้วยความงาม ความสมบรูณ์และความจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อผลงานศิลปะร่วมสมัยที่มีความคิดที่สลับซับซ่อนอยากต่อการรับรู้อย่างแท้จริง สิ่งที่ได้จากการชมผลงานครั้งนี้อาจได้แค่เพียงผลงานศิลปะที่เป็นรูปธรรมที่เป็นจริง “สวย” และ “ดี”
24 hrs art criticism
07 11 09
1 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น