งานกาชาดกับการจำแลงพื้นที่ ที่มีความจริงและทับซ้อนกันของเวลาในความเป็นร่วมสมัย
ความเป็นพื้นที่ในความเป็นรูปธรรมนั้นยังคงต้องมีคำว่า การใช้ส่อย ของตัวมันเองเพื่อเป็นตัวบ่งบอกฐานะของพื้นที่นั้นคงอยู่จริง พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวของสถานการณ์และประสบการณ์ร่วมของผู้คนที่เข้าไปสัมผัสจากโดยตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจก็ตาม ความเป็นพื่นที่นั้นยังคงแสดงกำลังของหน้าที่โดยมิได้เกิดจากผู้คนเข้าไปบังคับหรือจัดการใดๆ การแสดงออกจึงเป็นไปอยางธรรมชาติของบริบทแวดล้อมนั้นๆ
บริบทแวดล้อมของอณาเขตแวดล้อมนั้นๆจึงเป็นระนาบรองรับประสบการณ์และสถานการณ์ร่วมของผู้คนที่เข้าไปสัมผัสซึ่งเป็นการผสานกันระหว่างระนาบรองรับกับผู้คนเพื่อที่จะค้นหาเรื้องราวหรือประสบการณ์ร่วมเพียงแค่ชั่วขณะ แล้วความเป็นพื้นที่นั้นจึงเกิดความสมบรูณ์แบบในตัวมันเองโดยที่ไม่ต้องการการปรุงแต่งหรือจำแลง จำรองใดๆ
ความเป็นพื้นที่ในบริบทของความเป็นร่วมสมัยมีกระแสความคิดในการสร้างสรรค์งานศิลปะหรือกิจกรรมใดๆทางศิลปะเพื่อต้องการแสดงออกถึงเรื่องราว ประสบการณ์และเวลา นำเสนอผ่านระนาบของพื้นที่นั้นเพื่อแสดงบริบทต่างๆให้ออกมาเห็นอย่างเด่นชัดและแฝงด้วยนัยต่างๆ ประเด็ญต่างๆเหล่านี้ตกเป็นกระแสของการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในสังคมศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย การบ่งบอกเรื่องราวของความเป็นพื้นที่รองรับและตัวผลงานศิลปะล้วนตกอยู่ในกระบวนการคิดรอบด้านในเรื่องของพื้นที่ในบริบทของศิลปะร่วมสมัย
การจัดการว่าด้วยเรื่องของพื้นที่ ที่ได้มีการจำแลงโดยที่ทำการฉีกหนีจากความจริงหรืออดีตของพื้นที่นั้นโดยมีการสวมทับกันของการจัดกิจกรรมและมหกรรมสินค้าลดราคาที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทุกแห่งหนมารวมอยู่ในพื้นที่โดยที่มีความสามารถในการลบหรือกลบความเป็นพื้นที่ดั้งเดิมได้อย่างแนบเนียนและยังสามารถสร้างระยะเวลาใหม่ที่สวมทับเวลาเดิมได้อย่างสมบรูณ์
งานกาชาดที่จัดขึ้น ณ สวนอัมพรบริเวรลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ถนนศรีอยุธยา เป็นตัวอย่างของการจำแลงพื้นที่ดังที่กล่าวมาในขั้นต้น โดยมีการสร้างระยะเวลาใหม่โดยเป็นการทับซ้อนกันของพื้นที่และเวลา(ดั้งเดิม)ซึ่งเป็นการสร้างปรากฏการณ์ทางพื้นที่ ที่มีความเป็นร่วมสมัยอยู่มากโดยเป็นการมองจากของเดิมและสิ่งเดิมที่เต็มไปด้วยเวลาและหน้าที่ ในความสามารถในด้านการจัดการนั้นสามารถสร้างระยะเวลาใหม่และหน้าที่ใหม่ที่อาศัยความมีอยู่จริงจากของเดิมโดยการสร้างหน้าให้เป็นลานกิจกรรมและมหกรรมสินค้าลดลาคา
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามารถชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งอย่างสุดขีด โดยการแฝงตัวกันของร้านค้าและความเป็นสถานที่ที่มีการโอบรัดกันระหว่าง2สิ่ง เช่น ร้านค้ามีต้นไม้โผล่ขึ้นมาตรงกลางร้านและป้ายจราจรบอกทางก็แฝงและแทรกตัวอยู่ตามเต้นท์ร้านค้าอยู่ตามทางตลอดงาน โดยการขัดแย้งนี้เป็นการขัดแย้งอย่างปฎิเสธของเดิมโดยการลดทอนหน้าที่ดั้งเดิมของพื้นที่นั้นอย่างสิ้นเชิง การผสานกันระหว่างพื้นที่กับมหกรรมสินค้านี้เป็นการผสานกันอย่างขัดแย้งสุดขีดแต่แฝงเสน่ท์และสุนทรีย์ของความลงตัวในด้านการจัดการเช่นกัน
การลงตัวดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เข้าสู่ในตัวงานซึ่งเป็นถนนจราจรที่ใช้อยู่จริงโดยเป็นการหยิบฉวยและนำพาสู่หน้าที่ใหม่คือลานคนเดิน ซึ่งมีหน้าที่คล้ายคลึงกันแต่สามารถสร้างปฎิสัมพันธ์กันระหว่างผู้คนได้มากกว่าของเดิมซึ่งเป็นการลดช่องว่างระหว่างกันโดยการเดินเท้าแทนการแทนการใช้รถยนต์บนผิวถนน ความสามารถในการจัดการนี้ได้นำ2ฝังถนนที่เป็นเพียงแค่ทางเท้าได้เปลียนเป็นเต้นท์ร้านค้าที่ยาวอยู่2ฝังถนน โดยการจัดการว่าด้วยการพลิกแพงของเดิมนี้เป็นไปทั้งงานกาชาดที่จัดขึ้น ณ สวนอัมพร
ในตัวงานมหกรรมนี้ก็มิได้มีความโดดเด่นอะไรมากเพียงแค่การออกร้านสินค้าต่างๆและกิจกรรมการกุศลแต่จุดที่น่าสนใจนี้ตกไปอยู่ตรงที่การเคลือนไหวและมุมมองของนักจัดการว่าด้วยการหยิบฉวยพื้นที่โดยที่มีความขัดแย้งและมีเสน่ท์ของความลงตัวอยู่ในระยะเวลาเดียวกันโดยการทับซ้อนกันของเวลาและพื้นที่ดั้งเดมสู่พื้นที่ใหม่(งานกาชาด)
งานกาชาดจัดขึ้นตั้งแต่29มีนาคม-6เมษายน 2550.ซึ่งสิ้นสุดลงไปพร้อมกับการมีปฎิสัมพันธ์ของผู้คนและกลับสู่สภาพการจราจรและความเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพื้นที่แวดล้อมนั้นๆ
จากความน่าสนใจในประเด็ญที่ว่าความขัดแย้งและเสน่ท์ของความลงตัวในด้านการจัดการนี้เป็นการตั้งคำถามของผู้เขียนว่าด้วยเรื่องพื้นที่ของงานศิลปะร่วมสมัยจะมีปรากฏการณ์เช่นนี้ในประเทศไทยหรือไม่? ปรากฏการณ์ที่สร้างปฎิสัมพันธ์อันดีกับการบริโภคงานศิลปะโดยที่ผู้ชมผลงานได้อะไรไปมากกว่าแค่การเดินชมผลงานในหอศิลป์หรือแกลลอรี่ที่แสดงผลงานศิลปะโดยที่ผู้ชมผลงานเดินกลับไปอย่างไรบทสนทนากับผลงานศิลปะ...................................................................
กฤษฎา ดุษฎีวนิช
3/04/50
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น